การแต่งบ้าน ปัญหาโลกแตกของเจ้าของบ้านหลาย ๆ คน ทั้งไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน ทั้งไม่รู้ว่าต้องแต่งอย่างไร ทั้งไม่รู้ว่าต้องระวังเรื่องไหน วันนี้เรามีไกด์เล็ก ๆ มาช่วยแนะนำ เพื่อให้ผู้อ่านได้มีไอเดียเริ่มต้นสำหรับการแต่งบ้าน ส่วนจะมีหัวข้ออะไรที่น่าสนใจบ้าง ตามมาอ่านกันได้เลย
ในการตกแต่งบ้าน คือ แนวคิดที่เน้นความเรียบง่าย สะอาดตา และการใช้พื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีหลักการสำคัญดังนี้
“น้อยแต่มาก” (Less is more): ใช้เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งเท่าที่จำเป็น เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ
พื้นที่ว่าง: ให้ความสำคัญกับพื้นที่ว่าง (negative space) เพื่อสร้างความรู้สึกโปร่งโล่ง สบายตา
สีโทนกลาง: ใช้สีโทนกลางเป็นหลัก เช่น ขาว เทา ดำ ครีม น้ำตาล เพื่อให้บ้านดูสบายตา และทำให้เฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งโดดเด่นขึ้น
แสงธรรมชาติ: เน้นการใช้แสงธรรมชาติ เพื่อให้บ้านดูสว่างและอบอุ่น
วัสดุธรรมชาติ: ใช้ไม้ หิน หรือผ้าฝ้าย เพื่อเพิ่มความอบอุ่นและสัมผัสที่เป็นธรรมชาติให้กับบ้าน
การจัดเก็บ: มีระบบการจัดเก็บที่ดี เพื่อให้บ้านเป็นระเบียบเรียบร้อย
สไตล์มินิมอล เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความเรียบง่าย ชอบบ้านที่ดูสะอาดตา และต้องการให้บ้านเป็นพื้นที่ที่สงบและผ่อนคลาย
ข้อดีของสไตล์มินิมอล:
– ทำให้บ้านดูกว้างขวางและโปร่งโล่งขึ้น
– ทำความสะอาดง่าย
– สร้างบรรยากาศที่สงบและผ่อนคลาย
– เน้นความงามของเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่ง
ข้อควรพิจารณา:
– อาจดูเย็นชาหรือไร้ชีวิตชีวา หากไม่ตกแต่งเพิ่มเติม
– ต้องมีระเบียบวินัยในการจัดเก็บของ
หากคุณสนใจสไตล์มินิมอล ลองเริ่มจากการลดจำนวนของตกแต่งในบ้าน และเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีฟังก์ชันการใช้งานหลากหลาย คุณสามารถเพิ่มความอบอุ่นให้กับบ้านด้วยการใช้พรม หรือต้นไม้เล็กๆ นอกจากนี้ การจัดแสงที่ดีก็มีส่วนสำคัญในการสร้างบรรยากาศที่น่าอยู่
เป็นสไตล์การตกแต่งบ้านที่เน้นการโชว์โครงสร้างและท่อต่างๆ โดยมีหลักการสำคัญดังนี้:
ผนังอิฐเปลือย: ใช้ผนังอิฐเปลือยเพื่อสร้างความดิบและเท่ให้กับบ้าน
ท่อโลหะ: โชว์ท่อโลหะต่างๆ เช่น ท่อประปา ท่อระบายอากาศ เพื่อเพิ่มความดิบและเท่ให้กับบ้าน
พื้นคอนกรีต: ใช้พื้นคอนกรีตเพื่อสร้างความดิบและเท่ให้กับบ้าน
เฟอร์นิเจอร์โลหะ: ใช้เฟอร์นิเจอร์โลหะ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ โคมไฟ เพื่อเพิ่มความดิบและเท่ให้กับบ้าน
แสงไฟส่องสว่าง: ใช้แสงไฟส่องสว่างเพื่อสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเอง
สไตล์ลอฟท์ เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความดิบและเท่ ชอบบ้านที่ดูมีเอกลักษณ์ และต้องการให้บ้านเป็นพื้นที่ที่สร้างสรรค์และมีชีวิตชีวา
ข้อดีของสไตล์ลอฟท์:
– ทำให้บ้านดูมีเอกลักษณ์และไม่เหมือนใคร
– สร้างบรรยากาศที่ดิบและเท่
– เน้นความงามของโครงสร้างและท่อต่างๆ
ข้อควรพิจารณา:
– อาจดูเย็นชาหรือไร้ชีวิตชีวา หากไม่ตกแต่งเพิ่มเติม
– ต้องมีระเบียบวินัยในการจัดเก็บของ
หากคุณสนใจสไตล์ลอฟท์ ลองเริ่มจากการโชว์โครงสร้างและท่อต่างๆ ในบ้านของคุณ คุณสามารถเพิ่มความอบอุ่นให้กับบ้านด้วยการใช้พรม หรือต้นไม้เล็กๆ นอกจากนี้ การจัดแสงที่ดีก็มีส่วนสำคัญในการสร้างบรรยากาศที่น่าอยู่
เป็นสไตล์การตกแต่งบ้านที่เน้นความอิสระและความหลากหลาย โดยมีหลักการสำคัญดังนี้:
ความหลากหลาย: ใช้เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งที่หลากหลาย ไม่จำเป็นต้องเป็นชุดเดียวกัน
สีสันสดใส: ใช้สีสันสดใสเพื่อสร้างบรรยากาศที่สนุกสนานและมีชีวิตชีวา
วัสดุธรรมชาติ: ใช้วัสดุธรรมชาติ เช่น ไม้ ผ้าฝ้าย เพื่อเพิ่มความอบอุ่นและสัมผัสที่เป็นธรรมชาติให้กับบ้าน
การจัดเก็บแบบเปิด: ใช้ชั้นวางของแบบเปิดเพื่อโชว์ของตกแต่งและสร้างบรรยากาศที่เป็นกันเอง
พืชและดอกไม้: ใช้พืชและดอกไม้เพื่อเพิ่มความสดชื่นและความเขียวขจีให้กับบ้าน
สไตล์โบฮีเมียน เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความอิสระและความหลากหลาย ชอบบ้านที่ดูมีชีวิตชีวาและมีเอกลักษณ์
ข้อดีของสไตล์โบฮีเมียน:
– ทำให้บ้านดูมีชีวิตชีวาและมีเอกลักษณ์
– สร้างบรรยากาศที่สนุกสนานและเป็นกันเอง
– เน้นความหลากหลายและความอิสระ
ข้อควรพิจารณา:
– อาจดูรกหรือไม่เป็นระเบียบ หากไม่จัดเก็บของอย่างเป็นระเบียบ
– ต้องมีระเบียบวินัยในการจัดเก็บของ
หากคุณสนใจสไตล์โบฮีเมียน ลองเริ่มจากการเลือกเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งที่หลากหลาย คุณสามารถเพิ่มความสดชื่นให้กับบ้านด้วยการใช้พืชและดอกไม้ นอกจากนี้ การจัดเก็บของอย่างเป็นระเบียบก็มีส่วนสำคัญในการสร้างบรรยากาศที่น่าอยู่
เป็นสไตล์การตกแต่งบ้านที่เน้นการใช้เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งที่เก่าแก่และมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ โดยมีหลักการสำคัญดังนี้:
เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งเก่าแก่: ใช้เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งที่เก่าแก่และมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ โคมไฟ
สีสันอ่อนนุ่ม: ใช้สีสันอ่อนนุ่ม เช่น ขาว ครีม พาสเทล เพื่อสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเอง
วัสดุธรรมชาติ: ใช้วัสดุธรรมชาติ เช่น ไม้ ผ้าฝ้าย เพื่อเพิ่มความอบอุ่นและสัมผัสที่เป็นธรรมชาติให้กับบ้าน
การจัดเก็บแบบเปิด: ใช้ชั้นวางของแบบเปิดเพื่อโชว์ของตกแต่งและสร้างบรรยากาศที่เป็นกันเอง
พืชและดอกไม้: ใช้พืชและดอกไม้เพื่อเพิ่มความสดชื่นและความเขียวขจีให้กับบ้าน
สไตล์วินเทจ เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความเก่าแก่และมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ชอบบ้านที่ดูมีเอกลักษณ์และมีเรื่องราว
ข้อดีของสไตล์วินเทจ:
– ทำให้บ้านดูมีเอกลักษณ์และมีเรื่องราว
– สร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเอง
– เน้นความเก่าแก่และมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์
ข้อควรพิจารณา:
– อาจดูเก่าเกินไปหรือไม่ทันสมัย
– ต้องมีระเบียบวินัยในการจัดเก็บของ
หากคุณสนใจสไตล์วินเทจ ลองเริ่มจากการเลือกเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งที่เก่าแก่และมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ คุณสามารถเพิ่มความอบอุ่นให้กับบ้านด้วยการใช้พืชและดอกไม้ นอกจากนี้ การจัดเก็บของอย่างเป็นระเบียบก็มีส่วนสำคัญในการสร้างบรรยากาศที่น่าอยู่
เป็นสไตล์การตกแต่งบ้านที่เน้นการโชว์โครงสร้างและท่อต่างๆ โดยมีหลักการสำคัญดังนี้:
ผนังอิฐเปลือย: ใช้ผนังอิฐเปลือยเพื่อสร้างความดิบและเท่ให้กับบ้าน
ท่อโลหะ: โชว์ท่อโลหะต่างๆ เช่น ท่อประปา ท่อระบายอากาศ เพื่อเพิ่มความดิบและเท่ให้กับบ้าน
พื้นคอนกรีต: ใช้พื้นคอนกรีตเพื่อสร้างความดิบและเท่ให้กับบ้าน
เฟอร์นิเจอร์โลหะ: ใช้เฟอร์นิเจอร์โลหะ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ โคมไฟ เพื่อเพิ่มความดิบและเท่ให้กับบ้าน
แสงไฟส่องสว่าง: ใช้แสงไฟส่องสว่างเพื่อสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเอง
สไตล์อินดัสเทรียล เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความดิบและเท่ ชอบบ้านที่ดูมีเอกลักษณ์ และต้องการให้บ้านเป็นพื้นที่ที่สร้างสรรค์และมีชีวิตชีวา
ข้อดีของสไตล์อินดัสเทรียล:
– ทำให้บ้านดูมีเอกลักษณ์และไม่เหมือนใคร
– สร้างบรรยากาศที่ดิบและเท่
– เน้นความงามของโครงสร้างและท่อต่างๆ
ข้อควรพิจารณา:
– อาจดูเย็นชาหรือไร้ชีวิตชีวา หากไม่ตกแต่งเพิ่มเติม
– ต้องมีระเบียบวินัยในการจัดเก็บของ
หากคุณสนใจสไตล์อินดัสเทรียล ลองเริ่มจากการโชว์โครงสร้างและท่อต่างๆ ในบ้านของคุณ คุณสามารถเพิ่มความอบอุ่นให้กับบ้านด้วยการใช้พรม หรือต้นไม้เล็กๆ นอกจากนี้ การจัดแสงที่ดีก็มีส่วนสำคัญในการสร้างบรรยากาศที่น่าอยู่
เป็นสไตล์การตกแต่งบ้านที่เน้นความเรียบง่าย ความสมดุล และความเป็นธรรมชาติ โดยมีหลักการสำคัญดังนี้:
การใช้พื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ: ใช้พื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพโดยการใช้เฟอร์นิเจอร์ที่สามารถใช้งานได้หลากหลายและการจัดเก็บของอย่างเป็นระเบียบ
การใช้สีโทนกลาง: ใช้สีโทนกลางเป็นหลัก เช่น ขาว เทา ดำ ครีม น้ำตาล เพื่อให้บ้านดูสบายตาและทำให้เฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งโดดเด่นขึ้น
การใช้แสงธรรมชาติ: เน้นการใช้แสงธรรมชาติ เพื่อให้บ้านดูสว่างและอบอุ่น
การใช้วัสดุธรรมชาติ: ใช้วัสดุธรรมชาติ เช่น ไม้ กระดาษ หิน เพื่อเพิ่มความอบอุ่นและสัมผัสที่เป็นธรรมชาติให้กับบ้าน
การจัดสวน: สร้างสวนเล็กๆ หรือวางต้นไม้ในบ้านเพื่อเพิ่มความสดชื่นและความเขียวขจีให้กับบ้าน
สไตล์ญี่ปุ่น เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความเรียบง่าย ความสมดุล และความเป็นธรรมชาติ ชอบบ้านที่ดูสงบและผ่อนคลาย
ข้อดีของสไตล์ญี่ปุ่น:
– ทำให้บ้านดูกว้างขวางและโปร่งโล่งขึ้น
– ทำความสะอาดง่าย
– สร้างบรรยากาศที่สงบและผ่อนคลาย
– เน้นความงามของธรรมชาติ
ข้อควรพิจารณา:
– อาจดูเย็นชาหรือไร้ชีวิตชีวา หากไม่ตกแต่งเพิ่มเติม
– ต้องมีระเบียบวินัยในการจัดเก็บของ
หากคุณสนใจสไตล์ญี่ปุ่น ลองเริ่มจากการเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่สามารถใช้งานได้หลากหลายและการจัดเก็บของอย่างเป็นระเบียบ คุณสามารถเพิ่มความอบอุ่นให้กับบ้านด้วยการใช้พรมหรือต้นไม้เล็กๆ นอกจากนี้ การจัดแสงที่ดีก็มีส่วนสำคัญในการสร้างบรรยากาศที่น่าอยู่
เป็นสไตล์การตกแต่งบ้านที่เน้นความเรียบง่าย ความสะอาดตา และการใช้พื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีหลักการสำคัญดังนี้:
การใช้เส้นสายที่เรียบง่าย: ใช้เส้นสายที่เรียบง่ายและคมชัด เพื่อให้บ้านดูทันสมัยและมีสไตล์
การใช้สีโทนกลาง: ใช้สีโทนกลางเป็นหลัก เช่น ขาว เทา ดำ ครีม น้ำตาล เพื่อให้บ้านดูสบายตาและทำให้เฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งโดดเด่นขึ้น
การใช้แสงธรรมชาติ: เน้นการใช้แสงธรรมชาติ เพื่อให้บ้านดูสว่างและอบอุ่น
การใช้วัสดุธรรมชาติ: ใช้วัสดุธรรมชาติ เช่น ไม้ หิน เพื่อเพิ่มความอบอุ่นและสัมผัสที่เป็นธรรมชาติให้กับบ้าน
การจัดเก็บ: มีระบบการจัดเก็บที่ดี เพื่อให้บ้านเป็นระเบียบเรียบร้อย
สไตล์โมเดิร์น เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความเรียบง่าย ความสะอาดตา และต้องการให้บ้านเป็นพื้นที่ที่สงบและผ่อนคลาย
ข้อดีของสไตล์โมเดิร์น:
– ทำให้บ้านดูกว้างขวางและโปร่งโล่งขึ้น
– ทำความสะอาดง่าย
– สร้างบรรยากาศที่สงบและผ่อนคลาย
– เน้นความงามของเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่ง
ข้อควรพิจารณา:
– อาจดูเย็นชาหรือไร้ชีวิตชีวา หากไม่ตกแต่งเพิ่มเติม
– ต้องมีระเบียบวินัยในการจัดเก็บของ
หากคุณสนใจสไตล์โมเดิร์น ลองเริ่มจากการเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีเส้นสายที่เรียบง่ายและใช้สีโทนกลาง คุณสามารถเพิ่มความอบอุ่นให้กับบ้านด้วยการใช้พรมหรือต้นไม้เล็กๆ นอกจากนี้ การจัดแสงที่ดีก็มีส่วนสำคัญในการสร้างบรรยากาศที่น่าอยู่
เป็นสไตล์การตกแต่งบ้านที่เน้นความหรูหรา ความสง่างาม และความเป็นอมตะ โดยมีหลักการสำคัญดังนี้:
เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งที่หรูหรา: ใช้เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งที่หรูหราและมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ โคมไฟ
สีสันอ่อนนุ่ม: ใช้สีสันอ่อนนุ่ม เช่น ขาว ครีม พาสเทล เพื่อสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเอง
วัสดุธรรมชาติ: ใช้วัสดุธรรมชาติ เช่น ไม้ หิน เพื่อเพิ่มความอบอุ่นและสัมผัสที่เป็นธรรมชาติให้กับบ้าน
การจัดเก็บแบบเปิด: ใช้ชั้นวางของแบบเปิดเพื่อโชว์ของตกแต่งและสร้างบรรยากาศที่เป็นกันเอง
พืชและดอกไม้: ใช้พืชและดอกไม้เพื่อเพิ่มความสดชื่นและความเขียวขจีให้กับบ้าน
สไตล์คลาสสิก เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความหรูหรา ความสง่างาม และความเป็นอมตะ ชอบบ้านที่ดูมีเอกลักษณ์และมีเรื่องราว
ข้อดีของสไตล์คลาสสิก:
– ทำให้บ้านดูหรูหราและสง่างาม
– สร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเอง
– เน้นความเป็นอมตะและมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์
ข้อควรพิจารณา:
– อาจดูเก่าเกินไปหรือไม่ทันสมัย
– ต้องมีระเบียบวินัยในการจัดเก็บของ
หากคุณสนใจสไตล์คลาสสิก ลองเริ่มจากการเลือกเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งที่หรูหราและมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ คุณสามารถเพิ่มความอบอุ่นให้กับบ้านด้วยการใช้พืชและดอกไม้ นอกจากนี้ การจัดเก็บของอย่างเป็นระเบียบก็มีส่วนสำคัญในการสร้างบรรยากาศที่น่าอยู่
เป็นสไตล์การตกแต่งบ้านที่เน้นความสบาย ความผ่อนคลาย และการเชื่อมโยงกับธรรมชาติ โดยมีหลักการสำคัญดังนี้:
การใช้สีสันสดใส: ใช้สีสันสดใส เช่น สีฟ้า สีเขียว สีเหลือง เพื่อสร้างบรรยากาศที่สนุกสนานและมีชีวิตชีวา
การใช้วัสดุธรรมชาติ: ใช้วัสดุธรรมชาติ เช่น ไม้ ผ้าฝ้าย เพื่อเพิ่มความอบอุ่นและสัมผัสที่เป็นธรรมชาติให้กับบ้าน
การตกแต่งด้วยของทะเล: ใช้ของตกแต่งที่เกี่ยวข้องกับทะเล เช่น เปลือกหอย ดาวทะเล เพื่อเพิ่มความสนุกสนานและความเป็นธรรมชาติให้กับบ้าน
การเปิดโล่งสู่ธรรมชาติ: ใช้หน้าต่างบานใหญ่เพื่อเปิดโล่งสู่ธรรมชาติและรับแสงธรรมชาติเข้ามาในบ้าน
สไตล์บีชเฮาส์ เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความสบาย ความผ่อนคลาย และการเชื่อมโยงกับธรรมชาติ ชอบบ้านที่ดูมีชีวิตชีวาและมีเอกลักษณ์
ข้อดีของสไตล์บีชเฮาส์:
– ทำให้บ้านดูมีชีวิตชีวาและมีเอกลักษณ์
– สร้างบรรยากาศที่สบายและผ่อนคลาย
– เน้นการเชื่อมโยงกับธรรมชาติ
ข้อควรพิจารณา:
– อาจดูไม่เหมาะสมกับสภาพอากาศที่หนาวเย็น
– ต้องมีระเบียบวินัยในการจัดเก็บของ
หากคุณสนใจสไตล์บีชเฮาส์ ลองเริ่มจากการเลือกสีสันสดใสและใช้วัสดุธรรมชาติในการตกแต่งบ้าน คุณสามารถเพิ่มความสนุกสนานและความเป็นธรรมชาติให้กับบ้านด้วยการใช้ของตกแต่งที่เกี่ยวข้องกับทะเล นอกจากนี้ การเปิดโล่งสู่ธรรมชาติก็มีส่วนสำคัญในการสร้างบรรยากาศที่น่าอยู่